

.


.

.
สิ่งที่น่าทึ่งคือคอนกรีตโรมันในแพนธีออนยังคงแข็งแรงสมบูรณ์ แม้ผ่านการทดสอบของกาลเวลา น้ำฝน แผ่นดินไหว และมลภาวะตลอดสองพันปี ในขณะที่คอนกรีตสมัยใหม่มักเสื่อมสภาพภายในเวลาเพียง 50-100 ปี
.
นักวิทยาศาสตร์พบว่า ส่วนผสมพิเศษในคอนกรีตโรมันประกอบด้วย:
.
– **เถ้าภูเขาไฟ (Pozzolanic Ash)** จากแหล่งภูเขาไฟใกล้เมืองพอซซูโอลี ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว
– **ปูนขาว (Lime)** ที่ผ่านกระบวนการเผาแบบพิเศษ
– **น้ำทะเล** ซึ่งส่งเสริมให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้คอนกรีตแข็งแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
.

.
การค้นพบล่าสุดเผยว่าคอนกรีตโรมันมีคุณสมบัติพิเศษในการ “เยียวยาตัวเอง” เมื่อเกิดรอยแตกเล็กๆ น้ำจะทำปฏิกิริยากับส่วนผสมแคลเซียมและอลูมิเนียมในคอนกรีต ก่อให้เกิดผลึกใหม่ที่อุดรอยแตกโดยอัตโนมัติ ป้องกันการรั่วซึมและความเสียหายในระยะยาว
.

.
วิศวกรโรมันยังออกแบบโดมของแพนธีออนให้มีความหนาลดหลั่นกันจาก 6 เมตร ที่ฐาน เหลือเพียง 1.2 เมตร ที่ยอด และใช้วัสดุที่เบาขึ้นตามความสูง:
– ฐานโดม: คอนกรีตผสมหินแกรนิตหนัก
– กลางโดม: คอนกรีตผสมอิฐบด
– ยอดโดม: คอนกรีตผสมหินภูเขาไฟเบา
.
นอกจากนี้ ภายในโดมยังมีการสร้างหลุมคาสเซตตัน (Cassettes) หรือหลุมรูปสี่เหลี่ยมที่ช่วยลดน้ำหนักโดยรวมโดยไม่กระทบความแข็งแรง
.

.
อีกเทคนิคที่น่าทึ่งคือระบบระบายน้ำของแพนธีออน ตรงกลางหลังคาโดมมีช่องเปิดขนาดใหญ่ (Oculus) ที่ปล่อยให้น้ำฝนไหลเข้าภายในอาคาร แต่พื้นภายในถูกออกแบบให้โค้งเล็กน้อยพร้อมช่องระบายน้ำซ่อนอยู่โดยรอบ ทำให้น้ำไหลออกจากอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย
.

.
เทคโนโลยีคอนกรีตโรมันสอนบทเรียนสำคัญสำหรับงานก่อสร้างสมัยใหม่:
1. ความสำคัญของส่วนผสมที่เหมาะสม
2. การคำนึงถึงสภาพแวดล้อมและวัสดุท้องถิ่น
3. การออกแบบที่คำนึงถึงการระบายน้ำและป้องกันความชื้น
.
ปัจจุบัน บริษัท Interplug ได้นำแนวคิดเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในงานกันซึมและงานพื้นคอนกรีตสมัยใหม่ โดยมุ่งเน้นคุณภาพของวัสดุ การเลือกส่วนผสมที่เหมาะสม และการออกแบบระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างงานที่มีความทนทานยาวนาน เช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างโรมันโบราณ
.
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีกันซึมและงานพื้นคอนกรีตคุณภาพสูงได้ที่ Interplug ผู้เชี่ยวชาญงานกันซึมและงานพื้นผิวทุกระบบ 

.