

.
เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2251 (ค.ศ. 1556) เหตุการณ์มหันตภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์แผ่นดินไหวโลกได้เกิดขึ้นในมณฑลส่านซี (บางครั้งเรียกว่าเสฉวนตามการออกเสียงในภาษาจีน) ประเทศจีน
ในช่วงราชวงศ์หมิง
แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรงประมาณ 8.0 ริกเตอร์
(จากการประเมินย้อนหลังด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่) และคร่าชีวิตประชาชนประมาณ 830,000 คน ทำให้กลายเป็นภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ 




.
สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมาจากลักษณะการอยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวส่านซีในสมัยนั้น
ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในที่พักอาศัยที่เรียกว่า “หยาวตง” (Yaodong) หรือบ้านถ้ำ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยที่ขุดเข้าไปในภูเขาหินทรายหรือชั้นดินเหนียวที่อัดตัวแน่น
วิถีชีวิตแบบนี้เป็นการปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศในภูมิภาคที่มีฤดูหนาวหนาวจัดและฤดูร้อนร้อนจัด 
บ้านถ้ำช่วยรักษาอุณหภูมิให้อบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน




.
เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ที่พักอาศัยแบบถ้ำเหล่านี้พังทลายทับผู้อยู่อาศัยทันที โดยไม่มีโอกาสหนีรอด
บางหมู่บ้านถูกทำลายเกือบทั้งหมด
บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่าพื้นที่กว่า 840 ตารางกิโลเมตรได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ครอบคลุมพื้นที่หลายเมืองในมณฑลส่านซีและบางส่วนของมณฑลเหอหนานและกานซู่ 



.
นอกจากการพังทลายของบ้านถ้ำแล้ว ยังเกิดดินถล่มขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่
ในบางกรณี ทั้งหมู่บ้านถูกฝังอยู่ใต้ดินโดยไม่มีร่องรอย ระบบชลประทานและแหล่งน้ำถูกทำลาย ทำให้ผู้รอดชีวิตต้องเผชิญกับความอดอยากในเวลาต่อมา
มีการบันทึกว่าแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ยังถูกดึงลงสู่รอยแยกในพื้นดิน และรอยแยกบางแห่งกว้างถึง 20 ฟุต 





.
บทเรียนสำคัญจากแผ่นดินไหวส่านซีที่ยังคงมีความสำคัญถึงปัจจุบันคือความเปราะบางของที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้ออกแบบให้รับมือกับแผ่นดินไหว
ปัจจุบัน วิศวกรและสถาปนิกได้พัฒนาเทคนิคการก่อสร้างที่ต้านทานแผ่นดินไหวและระบบกันซึมที่ช่วยปกป้องโครงสร้างจากความเสียหาย
เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังอันน่ากลัวของธรรมชาติและความสำคัญของการออกแบบอาคารที่ปลอดภัย 



.
—
.



.